Saturday, July 27, 2013
Sunday Sketch กับงานวาดนก
สวัสดีวันอาทิตย์ วันนี้ฟ้าหม่นเหมือนเดิม แต่ที่สามารถตื่นเช้าได้ เพราะพอคิดว่าจะมาวาดรูปต่อมันก็รู้สึกสนุกแล้ว ติดอยู่นิดนึงตรงที่ว่างานดูเหมือนจะเดินช้าเหลือเกิน -__-' ทั้งที่ตั้งใจคิด+วาดทุกวัน แต่ก็ยังไม่ทันใจนะ
Sunday sketch วันนี้เป็นสเก็ตช์รูปนกที่วาดมาหลายวัน ธีีมคือ 'secret garden' ที่คิดมานานแล้ว วาดไม่เสร็จซะที(เฮ้อ) คราวนี้พยายามโฟกัสกับการวาดด้วยการตั้ง keywords เป็นแนวทาง นั่นก็คือ ดอกไม้ ผลไม้ นก หนูเมอรี่ และที่เพิ่มเข้าไปคือ การขอบคุณ (grateful)
ไอเดียขอบคุณนี่มาจากสเตตัสของเพื่อนในเฟสบุ้คที่พูดถึงคุณสามีที่กลับมาบ้านจะเขียนบันทึกสามสิ่งที่รู้สึกขอบคุณในวันนั้นๆ เรื่องการรู้สึกขอบคุณ หรือ I feel grateful for นี่ จะเป็นเรื่องที่อ่านเจอเรื่อยๆ ตามบล๊อกของชาวฝรั่งทั้งหลาย เป็นเรื่องที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ก็ไม่ธรรมดาอีกเหมือนกัน เพราะดูเหมือนเขาจะคอยเขียนเตือนตัวเองกันเป็นระยะๆ :) คงเป็นเรื่องปกติของชาวโลกที่มักจะชอบคิดถึงเรื่องแย่ๆ ที่เกิดในแต่ละวันมากกว่าจะรู้สึกถึงสิ่งดีๆ ที่มีอยู่แล้วในชีวิต เลยต้องคอยเตือนตัวเองตลอดๆ ก็แปลกดีเหมือนกัน
ล่าสุดเพิ่งได้ feedback มาจากคนซื้อชุดกระดาษจดหมายจาก MerryDay ของเรา เธอบอกว่าตื่นเต้นที่จะใช้กระดาษเราเขียนจดหมายถึงเพื่อน เป็นคำพูดง่ายๆ ที่จริงๆ เธออาจจะเขียนไปอย่างนั้นก็ได้ แต่อ่านแล้วก็รู้สึกดีใจเล็กๆ เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยเขียนจดหมายกันแล้ว แต่ก็คิดว่าจะเป็นสิ่งที่หายไปจากโลกนี้ยาก หลายคนเริ่มมึนงงกับความรวดเร็วทันสมัย จดหมายอีเมล์ที่ดูแข็งๆ ยังไงก็ไม่เท่าลายมือสวยๆ หรือบางทีก็ไก่เขี่ยให้เราแกะลายแทงเล่น การโต้ตอบฉับไวผ่านโลกออนไลน์มีประโยชน์หลายอย่าง แต่ถ้ามากไปก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน...
ยังคงพยายามวาด 365 days I draw และยังมีเรื่องหนูเมอรี่ไปโรงเรียนอีกสองตอนที่ยังอยากเล่า คงต้องค่อยๆ เขียนไป
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน ขอให้เป็นวันดีๆ จ้ะ :)
Wednesday, July 24, 2013
หนูเมอรี่ไปโรงเรียน 6 : Gift
สัปดาห์สุดท้ายของ Make Art That Sells Class อาทิตย์นี้เรียนเกี่ยวกับ งานของขวัญ (gift) จริงๆ แล้วเป็นหัวข้อที่เราตื่นเต้นน้อยที่สุดถ้าเทียบกับหัวข้ออื่นๆ แต่ปรากฎว่าเป็นหัวข้อที่เกี่ยวกับงานของ MerryDay โดยตรงเลยทีเดียว
ตอนนี้ MerryDay ยังอยู่ในขั้นเตาะแตะมากๆ ของที่ทำขายก็เป็นงานการ์ด งานชุดเครื่องเขียน ที่เราวาด ออกแบบ พิมพ์เอง ยังไม่อยากลงทุนทำของออกมาเยอะ เพราะเคยทำแล้วมีปัญหาเรื่องกระจายของกับเก็บสต็อค คราวนี้เลยขอเริ่มแบบเล็กๆ ก่อน แต่ก็ยังอนุญาตให้ตัวเองฝันว่าสักวันจะมีของขายแบบครบชุด ทั้งแก้วกาแฟ กระเป๋า ของจุ๊กจิ๊กทั้งหลาย ซึ่งก็คือหัวข้อในอาทิตย์นี้นี่แหละ
อาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้ทำ pattern ออกแบบลายจาน หนังสือเด็ก และ wall art คราวนี้จะเป็นการออกแบบกระเป๋าใส่ของแบบมีซิป :) เหมือนทุกครั้งเราเริ่มด้วย mini exercise คราวนี้เราต้องหาของสะสมมาวาด หลายคนพอพูดถึงของสะสมก็จะตื่นเต้น ถ่ายรูปของที่มีมาโชว์กันใหญ่ มีทั้งเศษผ้า ไหมพรม ตุ๊กตาตัวน้อย กระดุม สมุด หนังสือภาพ เครื่องมือวาดรูป หินสีสวย บางคนมีกันเป็นกล่องๆ เลยทีเดียว เราเองไม่ได้เป็นคนสะสมของแบบจริงจัง มีบ้างก็พวกโปสการ์ด งานพิมพ์สวยๆ ที่เก็บเยอะหน่อย ถ้าจะซื้อสะสมจริงจังช่วงหลังๆ ก็น่าจะเป็นหนังสือภาพเด็ก ซึ่งคงไม่เวิร์คสำหรับงานนี้ ประกอบกับเพิ่งแต่งงานย้ายออกมาอยู่คอนโดซึ่งไม่ค่อยมีพื้นที่ไว้เก็บสมบัติบ้าเท่าไหร่ เลยหาของมาได้น้อยเท่าที่มีนี่แหละ
เหตุผลที่เราต้องหาของมาเยอะๆ เพราะการบ้านที่ทำจะเป็นการออกแบบกระเป๋าแบบ hyper-lush เพิ่งเคยได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก สรุปย่อๆ ก็คือเป็นงานสไตล์เยอะ เน้นดอกไม้ใหญ่เล็กซ้อนทับกัน สีสันจัดจ้าน นัยว่าเป็นสไตล์ที่ตอนนี้เขาฮิตกันในวงการแฟชั่น ดูตัวอย่างรูปได้ที่นี่
ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคงทำงานสไตล์นี้ไม่ได้ เพราะถนัดทำงานเรียบ สีน้อยหน่อย เวลาทำงานที่มีองค์ประกอบเยอะๆ ยุ่งๆ หรือสีมาก เป็นต้องเละทุกที แต่ยังไงลองดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร ตอนแรกลองทำ photo collage ดู ปรากฎว่าล่ม ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำเลย เลยหันมาสเก็ตช์งานตามสไตล์เราเอง แบบก็เอามาจากของจุ๊กจิ๊กที่เราเก็บๆ มานี่แหละ
จากนั้นก็ลองนึกภาพ ร่างองค์ประกอบออกมาในรูปแบบกระเป๋า ก็ได้ออกมาประมาณนี้
พอมีภาพร่างแบบชัดๆ แบบนี้เวลาเอาไปวาดในคอมก็ไม่ยากมากแล้ว เพียงแต่ต้องดูบางส่วน ตัดบางส่วนเติมบางส่วนให้ลงตัวขึ้น ค่อยๆ ทำ สลับชิ้นงานไปมาในที่สุดก็ได้อย่างที่ชอบ
งานนี้รู้สึกชอบสีเป็นพิเศษ สีมิ้นต์ได้มาจากตอนเห็นรถมินิคูเปอร์สีนี้ขับผ่าน เห็นแล้วก็อยากทำกระเป๋าสีนี้ทันที จากนั้นก็คิดว่าสีไหนน่าจะเหมาะต่อ ก็ได้ magenta บานเย็น กับ taupe ออกน้ำตาลมา งานนี้ยังคงเป็นสไตล์เราอยู่ ดูไม่เยอะถ้าเทียบกับงานคนอื่น แต่ก็ถือว่าเยอะพอดูถ้าเทียบกับที่เคยทำมา
สิ่งที่สนุกขึ้นไปอีก คือการลองเอารูปเดียวกันนี่แหละมาแยกส่วนแล้ววางให้ลงตัวกับของแบบอื่น อย่างเคสไอโฟน กระเป๋าเล็ก ตามที่เห็น สรุปว่าต่อไปจะวาดอะไรก็ควรเผื่อแแบบให้สามารถแยกส่วนเอาไปทำนู่นนีนั่นได้ง่ายๆ สินะ
คอร์สเรียน Make Art That Sells จบแล้ว แต่นี่แค่ part A ยังเหลือ Part B ที่จะเปิดอีกทีเดือนตุลา ระหว่างนี้ก็วางแผนไว้ว่าจะต้องทำงานของ MerryDay ให้เยอะที่สุด
มีคนถามหลายคนว่าลงเรียนคอร์สนี้คุ้มไหม ส่วนตัวคิดว่าคุ้ม แต่จะคุ้มยังไงเดี๋ยวมาเขียนสรุปอีกทีดีกว่า :)
ตอนนี้ MerryDay ยังอยู่ในขั้นเตาะแตะมากๆ ของที่ทำขายก็เป็นงานการ์ด งานชุดเครื่องเขียน ที่เราวาด ออกแบบ พิมพ์เอง ยังไม่อยากลงทุนทำของออกมาเยอะ เพราะเคยทำแล้วมีปัญหาเรื่องกระจายของกับเก็บสต็อค คราวนี้เลยขอเริ่มแบบเล็กๆ ก่อน แต่ก็ยังอนุญาตให้ตัวเองฝันว่าสักวันจะมีของขายแบบครบชุด ทั้งแก้วกาแฟ กระเป๋า ของจุ๊กจิ๊กทั้งหลาย ซึ่งก็คือหัวข้อในอาทิตย์นี้นี่แหละ
อาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้ทำ pattern ออกแบบลายจาน หนังสือเด็ก และ wall art คราวนี้จะเป็นการออกแบบกระเป๋าใส่ของแบบมีซิป :) เหมือนทุกครั้งเราเริ่มด้วย mini exercise คราวนี้เราต้องหาของสะสมมาวาด หลายคนพอพูดถึงของสะสมก็จะตื่นเต้น ถ่ายรูปของที่มีมาโชว์กันใหญ่ มีทั้งเศษผ้า ไหมพรม ตุ๊กตาตัวน้อย กระดุม สมุด หนังสือภาพ เครื่องมือวาดรูป หินสีสวย บางคนมีกันเป็นกล่องๆ เลยทีเดียว เราเองไม่ได้เป็นคนสะสมของแบบจริงจัง มีบ้างก็พวกโปสการ์ด งานพิมพ์สวยๆ ที่เก็บเยอะหน่อย ถ้าจะซื้อสะสมจริงจังช่วงหลังๆ ก็น่าจะเป็นหนังสือภาพเด็ก ซึ่งคงไม่เวิร์คสำหรับงานนี้ ประกอบกับเพิ่งแต่งงานย้ายออกมาอยู่คอนโดซึ่งไม่ค่อยมีพื้นที่ไว้เก็บสมบัติบ้าเท่าไหร่ เลยหาของมาได้น้อยเท่าที่มีนี่แหละ
เหตุผลที่เราต้องหาของมาเยอะๆ เพราะการบ้านที่ทำจะเป็นการออกแบบกระเป๋าแบบ hyper-lush เพิ่งเคยได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก สรุปย่อๆ ก็คือเป็นงานสไตล์เยอะ เน้นดอกไม้ใหญ่เล็กซ้อนทับกัน สีสันจัดจ้าน นัยว่าเป็นสไตล์ที่ตอนนี้เขาฮิตกันในวงการแฟชั่น ดูตัวอย่างรูปได้ที่นี่
ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคงทำงานสไตล์นี้ไม่ได้ เพราะถนัดทำงานเรียบ สีน้อยหน่อย เวลาทำงานที่มีองค์ประกอบเยอะๆ ยุ่งๆ หรือสีมาก เป็นต้องเละทุกที แต่ยังไงลองดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร ตอนแรกลองทำ photo collage ดู ปรากฎว่าล่ม ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำเลย เลยหันมาสเก็ตช์งานตามสไตล์เราเอง แบบก็เอามาจากของจุ๊กจิ๊กที่เราเก็บๆ มานี่แหละ
จากนั้นก็ลองนึกภาพ ร่างองค์ประกอบออกมาในรูปแบบกระเป๋า ก็ได้ออกมาประมาณนี้
พอมีภาพร่างแบบชัดๆ แบบนี้เวลาเอาไปวาดในคอมก็ไม่ยากมากแล้ว เพียงแต่ต้องดูบางส่วน ตัดบางส่วนเติมบางส่วนให้ลงตัวขึ้น ค่อยๆ ทำ สลับชิ้นงานไปมาในที่สุดก็ได้อย่างที่ชอบ
งานนี้รู้สึกชอบสีเป็นพิเศษ สีมิ้นต์ได้มาจากตอนเห็นรถมินิคูเปอร์สีนี้ขับผ่าน เห็นแล้วก็อยากทำกระเป๋าสีนี้ทันที จากนั้นก็คิดว่าสีไหนน่าจะเหมาะต่อ ก็ได้ magenta บานเย็น กับ taupe ออกน้ำตาลมา งานนี้ยังคงเป็นสไตล์เราอยู่ ดูไม่เยอะถ้าเทียบกับงานคนอื่น แต่ก็ถือว่าเยอะพอดูถ้าเทียบกับที่เคยทำมา
สิ่งที่สนุกขึ้นไปอีก คือการลองเอารูปเดียวกันนี่แหละมาแยกส่วนแล้ววางให้ลงตัวกับของแบบอื่น อย่างเคสไอโฟน กระเป๋าเล็ก ตามที่เห็น สรุปว่าต่อไปจะวาดอะไรก็ควรเผื่อแแบบให้สามารถแยกส่วนเอาไปทำนู่นนีนั่นได้ง่ายๆ สินะ
คอร์สเรียน Make Art That Sells จบแล้ว แต่นี่แค่ part A ยังเหลือ Part B ที่จะเปิดอีกทีเดือนตุลา ระหว่างนี้ก็วางแผนไว้ว่าจะต้องทำงานของ MerryDay ให้เยอะที่สุด
มีคนถามหลายคนว่าลงเรียนคอร์สนี้คุ้มไหม ส่วนตัวคิดว่าคุ้ม แต่จะคุ้มยังไงเดี๋ยวมาเขียนสรุปอีกทีดีกว่า :)
Thursday, July 11, 2013
หนูเมอรี่ไปโรงเรียน 5 : wall art
ชั้นเรียน Make Art That Sells จบไปเรียบร้อย แต่ยังมีหลายสิ่งที่ยังดำเนินต่อ ทั้งเพื่อนในชั้นเรียนที่ยังคุยกันต่อใน facebook group ซึ่งเปิดเป็นการถาวร และการแข่งขันหาศิลปินเข้าสังกัด Lilla Rogers Studio เดี๋ยวเราจะค่อยๆ เก็บรายละเอียดบันทึกไปเรื่อยๆ แต่ก่อนอื่นขอเขียนถึงการบ้านอีกสองชิ้นที่ยังไม่ได้พูดถึง :)
อาทิตย์ที่สี่ของคลาสเราเรียนเกี่ยวกับ wall art พูดง่ายๆ คือภาพประดับผนังตกแต่งบ้านนี่แหละ งานนี้สรุปสั้นๆ ก็คือจะต้องเป็นงานที่เด่นและมีรายละเอียดที่ชวนมองตลอดเวลา ดูแล้วไม่เบื่อง่ายๆ เพราะเป็นงานที่จะแขวนประดับอยู่เป็นเวลานาน งานเป็นได้หลากหลายสไตล์ทั้งภาพเหมือนจริง ภาพถ่าย ภาพ collage ภาพสำหรับห้องเด็กเช่น alphabet ส่วนที่กำลังฮิตขณะนี้คือภาพแนว abstract
การบ้านของอาทิตย์เริ่มด้วย mini exercise หาของที่มีสีตามสีของราศีเกิด ราศีเราคือกรกฎ cancer สีที่เขาว่าคือ ชมพู เหลือง ซึ่งเป็นคู่สีที่เราชอบพอดี รู้สึกว่าเป็นสีของ MerryDay มากๆ :D
เช่นเคย ทุกอาทิตย์ครูจะพยายามเชียร์ให้นักเรียนทำงานที่แตกต่างจากที่เคยทำ ลองอุปกรณ์หรือสื่อใหม่ๆ ที่เราไม่คุ้น อย่างเราถนัดวาดรูปในคอมฯ ก็พยายามหันมาวาดระบายสีน้ำ สีอะครีลิค คือเน้นให้คิดหาไอเดียก่อนจะอาศัยเทคโนโลยี...
มาถึงการบ้านหลักนั่นก็คือ วาดภาพ wall art สไตล์ collage เน้น abstract โดยให้มีส่วนประกอบที่เป็นดอกไม้ จะให้เป็นองค์ประกอบหลักหรือให้เป็นแค่ตัวประกอบก็ได้แล้วแต่ จะวาดในโปรแกรมก็ได้ หรือจะละเลงบนผ้าใบก็ตามแต่ใจ เราเลือกทำในสิ่งที่ไม่ถนัด ระบายบนผ้าใบด้วยสีอะครีลิค...
ตอนแรกก็เกร็งเล็กน้อยเพราะไม่มีปุ่ม delete หรือ command+Z ให้กด ผิดแล้วผิดเลยว่างั้น ที่เลือกใช้สีอะครีลิคเพราะเป็นสีที่ระบายทับได้ อย่างรูปข้างล่างนี่ ตอนแรกวาดไปแล้วเต็มเฟรมแต่เกิดไม่ชอบ เลยระบายขาวทับใหม่ ถ้าใช้สีน้ำคงต้องขึ้นกระดาษใหม่กันเลย เพราะไม่รู้จะแก้ยังไง :P
ทีนี้มาถึงขั้นตอนของการ collage ปะติดชึ่งก็ไม่ถนัดอีก ไม่รู้จะเอาอะไรมาติด ติดตรงไหนถึงจะสวย ติดไปแล้วก็คงแก้ยากด้วย สุดท้ายก็ติดแต่น้อย ติดแค่เศษกระดาษห่อของขวัญ กับกระดาษชงกาแฟ (สีน้ำตาลอ่อนที่ทำเป็นดอกไม้) ชอบกระดาษชงกาแฟนี่ สีสวยเนื้อสัมผัสพอน่ารัก ถึงจะวาดรายละเอียดไม่ได้มากเพราะหมึกมันซึม แต่ก็พอสนุกอยู่เหมือนกัน :)
ตอนแรกชอบรายละเอียดของตัวดอกไม้มาก แต่พอลองเอาไปแขวนบนผนังก็รู้เลยว่าไม่เวิร์ค รายละเอียดเล็กไป ภาพโดยรวมดูกระจัดกระจายไม่เด่น เลยตัดใจตัดกระดาษแปะทับแล้วระบายสีเหลืองใหม่ ให้สีเป็นกลุ่มก้อน เพิ่มรายละเอียดสีดำ คราวนี้ดูไกลๆ ค่อยเด่นเด้งขึ้นมาหน่อย จากนั้นก็เติมรายละเอียดอีกเล็กน้อยจนถึงจุดที่คิดว่า พอละ เติมมากเดี๋ยวเละ :P
พูดกันตามจริง ไม่คิดว่างานชิ้นนี้เป็นชิ้นที่ดีหรือตอบโจทย์ที่เขาตั้งมา มีอีกหลายจุดที่เราต้องพัฒนา แต่อย่างน้อยก็รู้สึกสนุกเวลาทำ เรียนรู้มากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น ที่สำคัญมีความรู้สึกว่ามันยังมีึความเป็น MerryDay อยู่ ซึ่งก็เป็นเป้าหมายของการเรียนคอร์สนี้นะ คืออยากเอาความรู้มาทำ MerryDay ให้ดีขึ้น :)
พอส่งการบ้านดอกไม้ข้างบนไปเรียบร้อยก็รู้สึกติดใจสีอะครีลิคกับการตัดแปะ เลยลองทำเล่นอีกหนึ่งชิ้น คราวนี้ไม่เครียดเพราะไม่ใช่การบ้าน ลองสเก็ตช์คร่าวๆ ข้างบนแล้วมาวาดจริงใหม่อีกทีบนกระดาษสีน้ำ ทำเพลินและสนุกเลยเชียว รู้สึกชอบมากกว่าดอกไม้ข้างบนด้วยซ้ำ รู้สึกว่าภาพนี้มีความเป็นเรากว่า :)
พอทำภาพนี้เสร็จก็อยากลองสีอะครีลิคให้มากขึ้น แอบสงสัยว่าถ้าเราเอาอะครีลิคมาผสมกับงานวาดในโปรแกรมกับงานตัดแปะมันจะออกมาเป็นยังไง คงต้องลองดูสินะ :)
ยังเหลือการบ้านอาทิตย์สุดท้ายที่ต้องพูดถึง จริงๆ การเขียนบล๊อกนี่ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ แต่เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ต้องบันทึกไว้ ใช้เวลาหน่อย แต่ภายหน้าก็อาจจะเป็นประโยชน์เวลากลับมาอ่าน :)
อาทิตย์ที่สี่ของคลาสเราเรียนเกี่ยวกับ wall art พูดง่ายๆ คือภาพประดับผนังตกแต่งบ้านนี่แหละ งานนี้สรุปสั้นๆ ก็คือจะต้องเป็นงานที่เด่นและมีรายละเอียดที่ชวนมองตลอดเวลา ดูแล้วไม่เบื่อง่ายๆ เพราะเป็นงานที่จะแขวนประดับอยู่เป็นเวลานาน งานเป็นได้หลากหลายสไตล์ทั้งภาพเหมือนจริง ภาพถ่าย ภาพ collage ภาพสำหรับห้องเด็กเช่น alphabet ส่วนที่กำลังฮิตขณะนี้คือภาพแนว abstract
การบ้านของอาทิตย์เริ่มด้วย mini exercise หาของที่มีสีตามสีของราศีเกิด ราศีเราคือกรกฎ cancer สีที่เขาว่าคือ ชมพู เหลือง ซึ่งเป็นคู่สีที่เราชอบพอดี รู้สึกว่าเป็นสีของ MerryDay มากๆ :D
เช่นเคย ทุกอาทิตย์ครูจะพยายามเชียร์ให้นักเรียนทำงานที่แตกต่างจากที่เคยทำ ลองอุปกรณ์หรือสื่อใหม่ๆ ที่เราไม่คุ้น อย่างเราถนัดวาดรูปในคอมฯ ก็พยายามหันมาวาดระบายสีน้ำ สีอะครีลิค คือเน้นให้คิดหาไอเดียก่อนจะอาศัยเทคโนโลยี...
มาถึงการบ้านหลักนั่นก็คือ วาดภาพ wall art สไตล์ collage เน้น abstract โดยให้มีส่วนประกอบที่เป็นดอกไม้ จะให้เป็นองค์ประกอบหลักหรือให้เป็นแค่ตัวประกอบก็ได้แล้วแต่ จะวาดในโปรแกรมก็ได้ หรือจะละเลงบนผ้าใบก็ตามแต่ใจ เราเลือกทำในสิ่งที่ไม่ถนัด ระบายบนผ้าใบด้วยสีอะครีลิค...
ตอนแรกก็เกร็งเล็กน้อยเพราะไม่มีปุ่ม delete หรือ command+Z ให้กด ผิดแล้วผิดเลยว่างั้น ที่เลือกใช้สีอะครีลิคเพราะเป็นสีที่ระบายทับได้ อย่างรูปข้างล่างนี่ ตอนแรกวาดไปแล้วเต็มเฟรมแต่เกิดไม่ชอบ เลยระบายขาวทับใหม่ ถ้าใช้สีน้ำคงต้องขึ้นกระดาษใหม่กันเลย เพราะไม่รู้จะแก้ยังไง :P
ทีนี้มาถึงขั้นตอนของการ collage ปะติดชึ่งก็ไม่ถนัดอีก ไม่รู้จะเอาอะไรมาติด ติดตรงไหนถึงจะสวย ติดไปแล้วก็คงแก้ยากด้วย สุดท้ายก็ติดแต่น้อย ติดแค่เศษกระดาษห่อของขวัญ กับกระดาษชงกาแฟ (สีน้ำตาลอ่อนที่ทำเป็นดอกไม้) ชอบกระดาษชงกาแฟนี่ สีสวยเนื้อสัมผัสพอน่ารัก ถึงจะวาดรายละเอียดไม่ได้มากเพราะหมึกมันซึม แต่ก็พอสนุกอยู่เหมือนกัน :)
ตอนแรกชอบรายละเอียดของตัวดอกไม้มาก แต่พอลองเอาไปแขวนบนผนังก็รู้เลยว่าไม่เวิร์ค รายละเอียดเล็กไป ภาพโดยรวมดูกระจัดกระจายไม่เด่น เลยตัดใจตัดกระดาษแปะทับแล้วระบายสีเหลืองใหม่ ให้สีเป็นกลุ่มก้อน เพิ่มรายละเอียดสีดำ คราวนี้ดูไกลๆ ค่อยเด่นเด้งขึ้นมาหน่อย จากนั้นก็เติมรายละเอียดอีกเล็กน้อยจนถึงจุดที่คิดว่า พอละ เติมมากเดี๋ยวเละ :P
พูดกันตามจริง ไม่คิดว่างานชิ้นนี้เป็นชิ้นที่ดีหรือตอบโจทย์ที่เขาตั้งมา มีอีกหลายจุดที่เราต้องพัฒนา แต่อย่างน้อยก็รู้สึกสนุกเวลาทำ เรียนรู้มากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น ที่สำคัญมีความรู้สึกว่ามันยังมีึความเป็น MerryDay อยู่ ซึ่งก็เป็นเป้าหมายของการเรียนคอร์สนี้นะ คืออยากเอาความรู้มาทำ MerryDay ให้ดีขึ้น :)
พอส่งการบ้านดอกไม้ข้างบนไปเรียบร้อยก็รู้สึกติดใจสีอะครีลิคกับการตัดแปะ เลยลองทำเล่นอีกหนึ่งชิ้น คราวนี้ไม่เครียดเพราะไม่ใช่การบ้าน ลองสเก็ตช์คร่าวๆ ข้างบนแล้วมาวาดจริงใหม่อีกทีบนกระดาษสีน้ำ ทำเพลินและสนุกเลยเชียว รู้สึกชอบมากกว่าดอกไม้ข้างบนด้วยซ้ำ รู้สึกว่าภาพนี้มีความเป็นเรากว่า :)
พอทำภาพนี้เสร็จก็อยากลองสีอะครีลิคให้มากขึ้น แอบสงสัยว่าถ้าเราเอาอะครีลิคมาผสมกับงานวาดในโปรแกรมกับงานตัดแปะมันจะออกมาเป็นยังไง คงต้องลองดูสินะ :)
ยังเหลือการบ้านอาทิตย์สุดท้ายที่ต้องพูดถึง จริงๆ การเขียนบล๊อกนี่ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ แต่เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ต้องบันทึกไว้ ใช้เวลาหน่อย แต่ภายหน้าก็อาจจะเป็นประโยชน์เวลากลับมาอ่าน :)
Subscribe to:
Posts (Atom)